
กลุ่มที่ 2
พัฒนาการและการเรียนรู้ด้านอารมณ์-จิตใจ
ทฤษฎีพัฒนาการทางจิตใจและอารมณ์
ออสุเบล
(Austrial)
ได้จําแนกประเภทของอารมณ์ออกเป็น 2 ประเภท คือ
(1) อารมณ์ดี - (2) อารมณ์ไม่ดี
อารมณ์ดี แบ่งเป็น 4 อารมณ์ คือ รัก ดีใจ ขันหรือเบิกบาน
และสงสารหรือเห็นใจอารมณ์ต่างๆจะค่อยๆพัฒนาขึ้นตามลําดับ โดยเด็กจะพัฒนาอารมณ์รักตั้งแต่แรกเกิดจากการรักตัวเองออกมาสู่คนใกล้ชิดที่สุดและกระจายออกไป ใน 2 เดือนแรก เด็กจะรู้จักอารมณ์ดีใจและปรากฏชัดเจนเมื่ออายุ 2 ปี เด็กเริ่มเกิดอารมณ์ขัน
หรือเบิกบานเมื่ออายุได้ 4 เดือนและอารมณ์เบิกบานนี้จะเกิดในเด็กเล็กมากกว่าเด็กโต ส่วนอารมณ์สงสารเห็นใจจะเกิดขึ้นเมื่อเด็กอายุได้
ประมาณ 2 ปี หรือเริ่มมีความเข้าใจสถานการณ์หรือพฤติกรรมต่าง
ๆ ได้บ้างแล้ว
อารมณ์ไม่ดี
จําแนกเป็น 5
อารมณ์ คือ วิตกกังวล กลัว โกรธและก้าวร้าว อิจฉาและ
อารมณ์ถูกทอดทิ้ง อารมณ์วิตกกังวลพัฒนาขึ้นจากความคับข้องใจในสิ่งแวดล้อม
ซึ่งเป็นจากความไม่มั่นใจในตัวเองและจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในระยะต่าง ๆ
ของชีวิต อารมณ์กลัวมักจะ มีอารมณ์วิตกกังวลแฝงอยู่ด้วย
อารมณ์โกรธและก้าวร้าวซึ่งมักจะเกิดคู่กันจะมีอยู่ในเด็กปฐมวัยมากกว่าเด็กโตอารมณ์อิจฉาและริษยาจะพบมากในเด็กที่ต้องมีการแข่งขันชิงดีชิงเด่น อารมณ์ ถูกทอดทิ้งถ้าเกิดขึ้นในเด็กปฐมวัยจะเกิดผลภัยต่อชีวิตของเด็ก
ก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา
พัฒนาการทางอารมณ์ หมายถึง
ขบวนการวิวัฒนาการของจิตที่สามารถรับผิดชอบควบคุม ขัดเกลา และแสดงออก
ซึ่งอารมณ์ให้เหมาะสมกับกาลเวลาและสถานที่ เช่น การโต้เตียงโดยไม่รู้สึกโกรธเคือง
รับฟังความคิดเห็น
ของบุคคลอื่นที่มีความคิดเห็นขัดแย้งกับตนอย่างสบายใจในขณะที่รู้สึกโกรธเคืองไม่แสดงพฤติกรรมใดๆ
ออกมาในทางไม่ดี หรือในทางลบ
ลักษณะพัฒนาการทางด้านอารมณ์ของเด็กปฐมวัยการแสดงออกทางอารมณ์ของเด็กปฐมวัยนั้นรุนแรงกว่าวัยทารก
ระดับความรุนแรงทางอารมณ์ของเด็กแต่ละคนมีไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายๆอย่าง
เช่น สุขภาพ สิ่งแวดล้อม การอบรมเลี้ยงดู อารมณ์โดยทั่วไปของเด็กปฐมวัย ได้แก่
อารมณ์โกรธ กลัว อิจฉา อยากรู้อยากเห็น อารมณ์สนุกสนาน และอารมณ์รัก
ซึ่งมีลักษณะดังนี้
1.อารมณ์โกรธ จะเริ่มเมื่อเด็กอายุได้ 6 เดือน
และจะมีอัตราความโกรธสูงขึ้นตามลำดับเด็กมักโกรธเมื่อถูกขัดใจ ถูกรังแก
และเรียนรู้ว่าวิธีที่จะเอาชนะได้ง่ายที่สุดคือการแสดงอารมณ์โกรธ
เด็กจะแสดงอารมณ์โกรธอย่างเปิดเผย เช่น ร้องไห้ กระทืบเท้า กระแทกร่างกาย
ทำตัวอ่อน ไม่พูดไม่จา ฯลฯ เมื่อพ้นวัยนี้ไปแล้วเด็กจะเริ่มควบคุมตัวเองได้บ้าง
ในระยะนี้ควรที่จะหลีกเลี่ยงการทำให้เด็กโกรธมากที่สุด
เมื่อเวลาที่เด็กโกรธควรจะชี้แจงเหตุผลที่ไม่ตามใจ
2.อารมณ์กลัว กลัวในสิ่งที่จะมีเหตุผลมากกว่าวัยทารก สิ่งเร้าที่ทำให้เด็กกลัวมีมากขึ้น
เช่น กลัวเสียงดัง คนแปลกหน้า อายุ 3-5 ปี กลัวสัตว์ กลัวถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว
พฤติกรรมที่เด็กแสดงออกเวลากลัว ร้องไห้ วิ่งหนี หาที่ซ่อน
ความกลัวเหล่านี้จะลดลงเมื่ออายุมากขึ้น
3.อารมณ์อิจฉา อารมณ์อิจฉาเป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเด็กมีความรู้สึกว่าตนเองด้อยกว่าผู้อื่น
หรือ กำลังสูญเสียของที่เป็นของตนไป จะเกิดขึ้นในเด็กอายุ 2-5 ปี เด็กจะอิจฉาน้อง
เมื่อเด็กเห็นว่าพ่อแม่ให้ความสนใจมากกว่าตน
พฤติกรรมที่แสดงออกเช่นเดียวกับอารมณ์โกรธ ดังนั้นควรที่จะให้ความรักความอบอุ่นที่ทัดเทียมกันเพื่อป้องกันมิให้เกิดความเลื่อมล้ำ
4.อารมณ์อยากรู้อยากเห็น
เป็นวัยที่เริ่มรู้จักการใช้เหตุผลมีความเป็นตัวของตัวเองมีความสงสัยในสิ่งที่ไม่เคยเห็น
ชอบสำรวจ ชอบซักถาม
5.อารมณ์สนุกสนาน เมื่อเด็กประสบความสำเร็จในสิ่งต่างๆที่ได้กระทำ
เด็กจะเกิดความสนุกสนาน ซึ่งแสดงออกด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
6.อารมณ์รัก ครั้งแระเด็กจะรักตนเองก่อน ต่อมาจะรู้จักการรักคนอื่น
อารมณ์นี้เป็นอารมณ์แห่งความสุข เด็กจะแสดงความรักโดยการกอดจูบลูบคลำ
เด็กที่ไม่ได้รับความรักความอบอุ่นจากครอบครัวหรือคนที่ผูกพันเด็กมักจะเห็นแก่ตัว
ทำให้เด็กไม่สามารถสร้างสัมพันธภาพที่ดี เด็กมักแสดงความรักต่อพ่อแม่
หรือสัตว์เลี้ยงตลอดจนของเล่น
ลักษณะพัฒนาการด้านอารมณ์จิตใจของเด็กปฐมวัยมีดังนี้
1.พัฒนาการทางอารมณ์เด็กวัย 1 ปี
ด้านอารมณ์จิตใจ เด็กในช่วงนี้เริ่มรู้จักทำอะไรตามใจตนเอง ขัดใจจะโกรธ
อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย แสดงอารมณ์เปิดเผยตามความรู้สึก
มีปฏิกิริยาต่อต้านเมื่อไม่พอใจต้องการความเป็นตัวของตัวเอง
2.พัฒนาการทางอารมณ์เด็กวัย 2 ปี
ด้านอารมณ์ จิตใจ เด็กวัยนี้จะแสดงอารมณ์ ความรู้สึกต่างๆด้วยคำพูด
อารมณ์มักจะขึ้นๆลงๆ มีความเป็นตัวของตัวเอง
เด็กในวัยนี้ถ้าได้รับการยอมรับหรือชมเชยจะมีความรู้สึกที่ดีต่อตนเอง
3.พัฒนาการทางด้านอารมณ์เด็กวัย
3 ปี
ด้านอารมณ์ จิตใจ ร่าเริง แจ่มใส
แสดงอารมณ์ตามความรู้สึกไม่ทำร้ายผู้อื่นเมื่อไม่พอใจ เริ่มมีความมั่นใจในตนเอง
รู้จักเลือกเล่นสิ่งที่ตนชอบ สนใจ เล่นบทบาทสมมุติได้
เด็กวัยนี้ชอบทำให้ผู้ใหญ่พอใจและได้รับคำชม
4.พัฒนาการทางอารมณ์เด็กวัย 4 ปี
ด้านอารมณ์ จิตใจ เป็นวัยที่ชอบท้าทายผู้ใหญ่ ต้องการให้มีคนฟัง คนสนใจ
สามารถแสดงออกทางอารมณ์ได้เหมาะสมกับสถานการณ์
ไม่ทำร้ายผู้อื่นและไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน
ไม่แย่งสิ่งของหรือหยิบของผู้อื่นมาเป็นของตน
5.พัฒนาการทางอารมณ์เด็กวัยระหว่าง 5-6 ปี
ด้านอารมณ์
จิตใจ แสดงอารมณ์ได้สอดคล้องกับสถานการณ์อย่างเหมาะสม
ชื่นชมความสามารถและผลงานของตนเองและผู้อื่น ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางน้อยลง
การส่งเสริมพัฒนาการทางด้านอารมณ์ของเด็กปฐมวัย
พัฒนาการทางอารมณ์ของเด็กปฐมวัยยังไม่คงที่เปลี่ยนแปลงได้ง่าย เป็นวัยเจ้าอารมณ์
บางครั้งจะมีอารมณ์รุนแรง โมโหร้าย โกรธง่าย เอาแต่ใจตัวเอง
จะสังเกตได้จากการที่เด็กแสดงอารมณ์ในลักษณะต่างๆ เช่น
มีอารมณ์หวาดกลัวอย่างรุนแรง มีอารมณ์อิจฉาริษยาน้องและโมโหฉุนเฉียวเป็นต้น
เด็กแต่ละคนจะมีลักษณะพัฒนาการทางอารมณ์แตกต่างกันตามสภาพสิ่งแวดล้อม
การเรียนรู้ที่แตกต่างกัน หากเด็กได้รับความไม่พอใจ
เด็กก็จะสะสมอารมณ์ไม่พอใจเหล่านั้นไว้ทำให้เด็กขาดความสุข
มีอารมณ์ตึงเครียดและอาจทำให้ชีวิตในวัยต่อไปมีปัญหาได้
ที่มา
ศุภนิตย์ วัฒนาธาดา, คู่มือพัฒนาการเด็ก, กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์เทียนวัฒนา, 2518. 14.
สุวรรณา ไชยะธน, ทักษะชีวิตสำหรับเด็กปฐมวัย, มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม,2548, 16-17.
สุมน อมรวิวัฒน์, การสอนโดยสร้างศรัทธาและโยนิโสมนสิการ, กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ตรีธนสาร, 2528, 10.
ศุภนิตย์ วัฒนาธาดา, คู่มือพัฒนาการเด็ก, กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์เทียนวัฒนา, 2518. 14.
สุวรรณา ไชยะธน, ทักษะชีวิตสำหรับเด็กปฐมวัย, มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม,2548, 16-17.
สุมน อมรวิวัฒน์, การสอนโดยสร้างศรัทธาและโยนิโสมนสิการ, กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ตรีธนสาร, 2528, 10.
กิจกรรม : สวัสดีกอดกัน
กิจกรรมสวัสดีกอดกันเป็นกิจกรรมช่วงเช้าที่ให้ครูและนักเรียน หรือ นักเรียนกับเพื่อน ได้ทักทายสวัสดีเพื่อสร้างมิตรภาพที่ดีต่อกัน การที่เด็กได้มีส่วนร่วมเล็ก ๆ นี้เป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะเด็กที่ขี้อายหรือพูดน้อย ไม่กล้าคุยกับเพื่อน เพราะมันเป็นการเปิดโอกาสให้พวกเขาได้สร้างมิตรภาพ ได้กล้ากอด กล้าจับมือกับเพื่อน และได้รอยยิ้มกันมาทั้งสองฝ่าย
กิจกรรมทักทายรูปแบบใหม่นี้ ได้พิสูจน์ให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าการกอดกันนิดๆ หน่อยๆ ในยามเช้า มันสร้างผลดีมาก เพราะมันทำให้เด็กรู้สึกปลอดภัย เหมือนกับเวลาที่เขาอยู่บ้าน และได้กอดพี่น้องหรือพ่อแม่
ช่วงอายุ 3-5 ปี
วัตถุประสงค์ของกิจกรรม
1. เพื่อให้เด็กได้สร้างมิตรภาพ และรู้สึกปลอดภัย
2. เพื่อสร้างกำลังใจให้เด็กพูดน้อย ได้กล้าแสดงออก
3.เพื่อให้เกิดความผ่อนคลาย ทางอารมณ์
วัสดุ/อุปกรณ์
1. บัตรภาพรูป ภาพจับมือ ภาพกอด ภาพฝ่ามือ (แปะมือ) ภาพเท้า (แตะเท้า) ภาพชนกำปั้น
ขั้นตอนการดำเนินกิจกรรม
ขั้นนำ
ครูและนักเรียนพูดคุยสนทนา เกี่ยวกับกิจกรรมสวัสดีกอดกัน พร้อมกับสร้างข้อตกลงในการทำกิจกรรม ดังนี้
1.ไม่พูดคุยเสียงดังรบกวนผู้อื่น
2.ช่วยคุณครูเก็บอุปกรณ์เมื่อทำกิจกรรมเสร็จแล้ว
วิธีดำเนินกิจกรรม
1.ครูแนะนำบัตรภาพ
2.ครูให้นักเรียนเลือกบัตรภาพ โดยมีให้เลือก ดังนี้ ภาพจับมือ,ภาพกอด,ภาพฝ่ามือ (แปะมือ)
3.เมื่อเลือกบัตรภาพแล้วครูให้กล่าวคำว่าสวัสดี จากนั้นนักเรียนปฏิบัติตามบัตรภาพที่นักเรียนเลือก กับเพื่อนที่อยู่ฝังตรงข้าม
ขั้นสรุป
ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับกิจกรรมสวัสดีกอดกัน พร้อมกับขอตัวแทนนักเรียนออกมาพูดความรู้สึกเมื่อทำกิจกรรมเสร็จ
ประโยชน์ที่ได้รับจากการทำกิจกรรม
1. ส่งเสริมให้เด็กกล้าคุยกับเพื่อน กล้ากอดกล้าจับมือ และได้สร้างมิตรภาพที่ดีกับเพื่อน
2. ส่งเสริมให้เด็ก ผ่อนคลาย ความเครียด รู้จักปรับตัว
วิธีการประเมินผล
1.สังเกตสีหน้า ท่าทาง การแสดงออกขณะกิจกรรม แล้วบันทึกลงในแบบบันทึกการสังเกต
2.สังเกตสีหน้า ท่าทาง ขณะสนทนาสรุปกิจกรรมและความรู้สึกที่มีต่อกิจกรรมสวัสดีกอดกัน แล้วบันทึกลงในแบบบันทึกการสังเกต
ช่วงอายุ 5-6 ปี
วัตถุประสงค์ของกิจกรรม
1. เพื่อให้เด็กได้สร้างมิตรภาพ และรู้สึกปลอดภัย
2. เพื่อสร้างกำลังใจให้เด็กพูดน้อย ได้กล้าแสดงออก
3.เพื่อให้เกิดความผ่อนคลาย ทางอารมณ์
วัสดุ/อุปกรณ์
1. บัตรภาพรูป ภาพจับมือ ภาพกอด ภาพฝ่ามือ (แปะมือ) ภาพเท้า (แตะเท้า) ภาพชนกำปั้น
ขั้นตอนการดำเนินกิจกรรม
ขั้นนำ
ครูและนักเรียนพูดคุยสนทนา เกี่ยวกับกิจกรรมสวัสดีกอดกัน พร้อมกับสร้างข้อตกลงในการทำกิจกรรม ดังนี้
1.ไม่พูดคุยเสียงดังรบกวนผู้อื่น
2.ช่วยคุณครูเก็บอุปกรณ์เมื่อทำกิจกรรมเสร็จแล้ว
วิธีดำเนินกิจกรรม
1.ครูแนะนำบัตรภาพ
2.ครูให้นักเรียนเลือกบัตรภาพ โดยมีให้เลือกดังนี้ ภาพจับมือ, ภาพกอด,ภาพฝ่ามือ(แปะมือ),ภาพเท้า(แตะเท้า),ภาพชนกำปั้น
3.เมื่อเลือกบัตรภาพแล้วครูให้กล่าวคำว่าสวัสดี จากนั้นนักเรียนปฏิบัติตามบัตรภาพที่นักเรียนเลือก กับเพื่อนที่อยู่ฝังตรงข้าม
ขั้นสรุป
ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับกิจกรรมสวัสดีกอดกัน พร้อมกับขอตัวแทนนักเรียนออกมาพูดความรู้สึกเมื่อทำกิจกรรมเสร็จ
ประโยชน์ที่ได้รับจากการทำกิจกรรม
1. ส่งเสริมให้เด็กกล้าคุยกับเพื่อน กล้ากอดกล้าจับมือ และได้สร้างมิตรภาพที่ดีกับเพื่อน
2. ส่งเสริมให้เด็ก ผ่อนคลาย ความเครียด รู้จักปรับตัว
วิธีการประเมินผล
1.สังเกตสีหน้า ท่าทาง การแสดงออกขณะกิจกรรม แล้วบันทึกลงในแบบบันทึกการสังเกต
2.สังเกตสีหน้า ท่าทาง ขณะสนทนาสรุปกิจกรรมและความรู้สึกที่มีต่อกิจกรรมสวัสดีกอดกัน แล้วบันทึกลงในแบบบันทึกการสังเกต
สิ่งที่ปรับปรุง
1.ปรับใช้คำใหม่
2.เพิ่มข้อประเมินผล
3.เพิ่มข้อตกลงในการทำกิจกรรม
วัสดุ/อุปกรณ์
1. แก้วกระดาษ
1. แก้วกระดาษ
2. เชือก
3. ไม้จิ้มฟัน(หักปลายแหลมออก)
4. กระดาษสี
5. กรรไกร
6. กาว
7. กระดาษตัดเป็นตา ปาก และหงอนไก่ สำหรับติดลงบนแก้ว
การดำเนินกิจกรรม
กิจกรรมที่เหมาะสมสำหรับเด็กอายุ 4-5 ปี
ขั้นนำ
ครูและเด็กร่วมกันร้องเพลงไก่ และสนทนาเกี่ยวกับไก่ พร้อมกับร่วมกันสร้างข้อตกลงในการทำกิจกรรม
ขั้นกิจกรรม
ให้เด็กทำกิจกรรมตามลำดับต่อไปนี้
1. เจาะรูตรงกลางของก้นแก้ว
2. ร้อยเชือกตรงที่เจาะรูพร้อมกับผูกเชือกกับไม้จิ้มฟันไว้ด้านบนของก้นแก้ว
2. ร้อยเชือกตรงที่เจาะรูพร้อมกับผูกเชือกกับไม้จิ้มฟันไว้ด้านบนของก้นแก้ว
3. นำตา ปาก และหงอนไก่ที่ครูเตรียมไว้มาติดลงบนแก้ว จากนั้นก็ตกแต่งตามจินตนาการ
4. จากนั้นครูแนะนำวิธีเล่นโดยให้กระตุกเชือก เพื่อให้เกิดเสียง
ขั้นสรุป
ครูและเด็กร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับการทำไก่กระต๊าก และ ขออาสาสมัครออกมาหน้าชั้นเรียนเพื่อพูดความรู้สึกจากการทำกิจกรรมไก่กระต๊าก
กิจกรรมที่เหมาะสมสำหรับเด็กอายุ 5-6 ปี
ขั้นนำ
ครูและเด็กร่วมกันร้องเพลงไก่ และสนทนาเกี่ยวกับไก่ พร้อมกับร่วมกันสร้างข้อตกลงในการทำกิจกรรม
ขั้นกิจกรรม
ให้เด็กทำกิจกรรมตามลำดับต่อไปนี้
1. เจาะรูตรงกลางของก้นแก้ว
2. ร้อยเชือกตรงที่เจาะรูพร้อมกับผูกเชือกกับไม้จิ้มฟันไว้ด้านบนของก้นแก้ว
3. ใช้กรรไกรตัดกระดาษเป็นหงอนไก่ ปาก ตา แล้วจากนั้นให้ติดลงบนแก้ว และตกแต่งเพิ่มเติมตามจินตนาการ
4. จากนั้นครูแนะนำวิธีเล่นโดยให้กระตุกเชือกเพื่อให้เกิดเสียง
ขั้นสรุป
ครูและเด็กร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับการทำไก่กระต๊าก และ ขออาสาสมัครออกมาหน้าชั้นเรียนเพื่อพูดความรู้สึกจากการทำกิจกรรมไก่กระต๊าก
สิ่งที่ปรับปรุง
1. ปรับภาษาที่ใช้
2. เพิ่มเติมขั้นสรุป
3. ปรับเวลาให้เหมาะสมกับกิจกรรม
4. ปรับวัสดุ อุปกรณ์ให้เพียงพอกับจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรม
กิจกรรม : ล้วงกล่อง
วัสดุ/อุปกรณ์
1. กล่องกระดาษ 2 กล่อง
2. ผ้าปิดตา
3. เยลลี่ ปีโป้ เส้นก๋วยจั๊บ
4. ผลไม้ชนิดต่างๆ เช่น กล้วย ส้ม
แอปเปิ้ล เงาะ เป็นต้น
การดำเนินกิจกรรม
กิจกรรมที่เหมาะสมสำหรับเด็กอายุ 3 ปี
ขั้นนำ
1. ครูแนะนำกิจกรรมล้วงกล่อง
ขั้นกิจกรรม
2. ครูให้เด็กแต่ละคนเดินมาล้วงกล่องทั้ง 2 กล่อง
3. ครูถามเด็กแต่ละคนว่าของที่อยู่ในกล่องคืออะไร มีลักษณะอย่างไร
ขั้นสรุป
4. ครูกับเด็กร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับสิ่งที่ได้รับเกี่ยวกับกิจกรรม
กิจกรรมที่เหมาะสมสำหรับเด็กอายุ 3-6 ปี
ขั้นนำ
1. แบ่งกลุ่มให้เท่าๆกัน
2. ให้ตั้งแถวตอนลึกตามกลุ่มที่จัดไว้
ขั้นกิจกรรม
3. อธิบายการเล่นเกมส์และสาธิตวิธีการเล่น
3.1 ให้แต่ละคนเอามือล้วงไปในกล่องที่เตรียมไว้ให้ โดยในกล่องจะมีผลไม้ชนิดต่างๆและให้จำไว้ว่าในกล่องนั้นมีอะไรบ้าง
3.2 เอาผ้าปิดตาและให้ดมของที่เตรียมไว้ให้
3.3 ให้กินของที่พี่เตรียมไว้ให้ แล้วให้ให้คิดคำตอบไว้ในใจ
4. ให้คนที่ 2 ถึงคนสุดท้าย ทำตามในขั้นตอนที่ 3
5. ให้ทั้งกลุ่ม ปรึกษากัน แล้วบอกว่าของทั้งหมดมีอะไรบ้าง
ขั้นสรุป
6. ครูและเด็กๆร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับกิจกรรมล้วงกล่อง และถามเด็ก
คำถาม: สิ่งที่เด็กจับมีพื้นผิวอย่างไร
คำตอบ: มีผิวขรุขระ,ผิวลื่น,ผิวเรียบ
คำถาม: สิ่งที่เด็กชิมมีรสชาติอย่างไร
คำตอบ: เปรี้ยว,หวาน,อร่อย
คำถาม: สิ่งที่เด็กสัมผัสมีอะไรบ้าง
คำตอบ: ปีโป้,กระท้อน,เยลลี่
สรุปผลและมอบรางวัล
สิ่งที่ปรับปรุง
1. เพิ่มเติมขั้นสรุป
2. ปรับเวลาให้เหมาะสมกับกิจกรรม
กิจกรรม : หมวกกันแดดจากจานกระดาษ
วัสดุ/อุปกรณ์
1. จานกระดาษ
2. กาว
3. เครื่องเจาะตาไก่
4. สีจากธรรมชาติ
5. ไหมพรม
6. กรรไกร
7. ของตกแต่ง เช่น ใบไม้แห้ง ดอกไม้ กระดาษ
การดำเนินกิจกรรม
วิธีดำเนินกิจกรรม
ขั้นนำ อายุ 4-5 ปี
ครูสนทนากับเด็กเกี่ยวกับการทำกิจกรรม พร้อมกับร่วมกันสร้างข้อตกลงในการทำกิจกรรม
ขั้นสอน
1. ให้เด็กๆเลือกแบบหมวกที่ตนเองสนใจ
2. คุณครูตัดแบบหมวกให้เด็กๆ(วัดให้พอดีกับศีรษะ)
3. ให้เด็กๆตกแต่งหมวกจานกระดาษด้วยสีจากธรรมชาติ
4. นำใบไม้ หรือดอกไม้ มาตกแต่งหมวกให้สวยงาม โดยให้เหลือส่วนปลายหมวกไว้
5. ใช้เครื่องเจาะตาไก่ เจาะปลายหมวกทั้งสองข้าง
6. จากนั้นให้นำไหมพรมมาผูกกับรูที่เราเจาะไว้
วิธีดำเนินกิจกรรม
ขั้นนำ อายุ 5-6 ปี
ครูสนทนากับเด็กเกี่ยวกับการทำกิจกรรม พร้อมกับร่วมกันสร้างข้อตกลงในการทำกิจกรรมขั้นสอน
1. ให้เด็กๆเลือกแบบหมวกที่คุณครูได้เตรียมมาให้
2. ให้เด็กๆใช้กรรไกรตัดทรงหมวกตามเส้น(วัดให้พอดีกับศีรษะ)
3. ให้เด็กๆตกแต่งหมวกกระดาษด้วยสีเทียน หรือสีไม้
4. นำใบไม้แห้ง ดอกไม้ หรือกระดาษ มาตกแต่งหมวกให้สวยงาม โดยให้เหลือส่วนปลายหมวกไว้
5. ใช้เครื่องเจาะตาไก่ เจาะปลายหมวกทั้งสองข้าง
6. จากนั้นให้นำไหมพรมมาผูกกับรูที่เราเจาะไว้
ขั้นสรุป
ครูร่วมสนทนากับเด็กเกี่ยวกับการทำหมวกจากจานกระดาษ และให้เด็กนำเสนอผลงานของตนเองให้เพื่อนๆฟัง
สิ่งที่ปรับปรุง
1.เปลี่ยนจากสีอะคริลิคเป็นสีเทียน สีไม้ และสีจากธรรมชาติ
2.ใช้ของตกแต่งจากธรรมชาติ เช่น ดอกไม้ กิ่งไม้ ใบไม้แห้ง
3.ให้เด็กนำเสนอผลงานของตนเอง
4.จัดกิจกรรมให้ดึงดูด น่าสนใจ
กิจกรรม : ดนตรีพาเพลิน
วัสดุ/อุปกรณ์
1.ฝาขวด
2.กระดาษสีโปสเตอร์
3.กระดาษลัง
3.กระดาษลัง
4.กาวร้อน
5.ขวดแก้ว
6.เมล็ดพืช
7.ไม้
8.กระบอกไม้ไผ่
9.ลูกแซกไม้
10.ขวดน้ำ
11.ลวด
11.ลวด
12.กระดิ่ง
13.ถุงมือ
การดำเนินกิจกรรม
ขั้นตอนการดำเนินกิจกรรม
ขั้นนำ
1.คุณครูให้นักเรียนจับกลุ่ม กลุ่มละ 5 คนนั่งรวมกันเป็นวงกลม
2.คุณครูถามนักเรียนว่าเราสามารถนำวัสดุธรรมชาติชิ้นไหนมาใช้ประกอบการสร้างเครื่องดนตรีได้บ้าง
ขั้นสอน
1. คุณครูแนะนำกิจกรรมการประดิษฐ์กรับฝาขวด
2. คุณครูแนะนำวัสดุอุปกรณ์ในการทำแต่ละชิ้นในการประดิษฐ์ดังนี้ 1).ฝาขวด 2).กระดาษสีโปสเตอร์ 3).กระดาษลัง 4).กาวร้อน
3.คุณครูให้นักเรียนพับกระดาษลังให้ทบกัน แล้วนำกระดาษโปสเตอร์มาติดกาวด้านหลังกระดาษลัง
4.คุณครูให้นักเรียน แล้วนำกาวร้อนที่ได้จากคุณครูติดกับฝาน้ำอัดลม จากนั้นจึงรอให้กาวแห้ง
5. คุณครูจึงให้นักเรียนลองเล่นกรับฝาขวดโดนจับเป็นจังหวะ
6.คุณครูให้นักเรียนเลือกเครื่องดนตรีจากวัสดุชิ้นอื่นๆมาประกอบดนตรีร่วมกัน
ขั้นสรุป
- คุณครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับเครื่องดนตรีกรับฝาขวดว่า “เป็นเครื่องประเภทที่นำของสิ่งมากระทบกัน” แล้วถามนักเรียนว่า “เครื่องดนตรีกรับฝาขวดมีเสียงอย่างไรบ้างคะ”
- คุณครูให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นร่วมกันว่า “นอกจากนี้ยังสามารถนำวัสดุอะไรมาใช้ทำเป็นเครื่องดนตรีได้อีกบ้างคะ”
สิ่งที่ปรับปรุง
- ลดขั้นตอนในการประดิษฐ์ให้สั้นลง
- ปรับเปลี่ยนกาวร้อนเป็นกาวชนิดอื่นให้กระชับเวลาในการใช้
- ปรับเปลี่ยนวัสดุอุปกรณ์เพิ่มเติมที่ให้เด็กได้ประดิษฐ์ขึ้นมาด้วยตัวเองตั้งแต่เริ่มต้นเพื่อให้เด็กได้รู้สึกภาคภูมิใจในการเป็นเจ้าของผลงาน
- ลดขั้นตอนในการประดิษฐ์ให้สั้นลง
- ปรับเปลี่ยนกาวร้อนเป็นกาวชนิดอื่นให้กระชับเวลาในการใช้
- ปรับเปลี่ยนวัสดุอุปกรณ์เพิ่มเติมที่ให้เด็กได้ประดิษฐ์ขึ้นมาด้วยตัวเองตั้งแต่เริ่มต้นเพื่อให้เด็กได้รู้สึกภาคภูมิใจในการเป็นเจ้าของผลงาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น