ด้านการคิด



กลุ่มที่ 5
พัฒนาการและการเรียนรู้ทางการคิด
ของเด็กปฐมวัย


       การคิด หมายถึง การทำงานของสมองที่นำข้อมูลจากการรับรู้มาสัมพันธ์กับประสบการณ์ เพื่อให้เกิดความเข้าใจ ตัดสินใจหรือแก้ปัญหาได้ ซึ่งการคิดและผลของการคิดจะอยู่ในรูปพฤติกรรมต่างๆ

จุดมุ่งหมายของการจัดประสบการณ์
     1. เพื่อให้เด็กคิดได้อย่างเป็นเหตุเป็นผล
     2. เพื่อให้เด็กสามารถคิดแก้ปัญหาได้
     3. เพื่อให้เด็กคิดอย่างมีวิจารณญาณ

แนวคิด/ทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
     พีอาเจท์

     แนวคิด : พัฒนาการทางเชาว์ปัญญาของเด็กเกิดจากการที่เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมรอบๆตัวเด็ก เรียนรู้จากสิ่งแวดล้อมใหม่ๆที่เกิดขึ้นตลอดเวลาและมีการปรับขยายประสบการณ์เดิม
     ทฤษฎี : พัฒนาการของเด็กปฐมวัย (แรกเกิด-6ปี )
       - ระยะสัมผัสและการเคลื่อนไหว (แรกเกิด–2 ปี)    
       - เด็กเรียนรู้ทุกอย่างทางประสาทสัมผัสทุกด้าน
      - ระยะความคิดก่อนปฏิบัติการ (2-6ปี) เริ่มเรียนภาษาพูดและภาษาท่าทางในการสื่อสาร ยึดตนเองเป็นศูนย์กลาง คิดหาเหตุผลไม่ได้ 

บรูเนอร์
     แนวคิด : 1. เด็กจะเรียนรู้ด้วยจากการกระทำมากที่สุด 2. เด็กเกิดการคิดแบบนึกรู้ 3. เด็กเกิดความคิดจากการรับรู้เป็นส่วนใหญ่ อาจจะมีจินตนาการบ้างแต่ยังไม่สามารถคิดได้ลึกซึ้ง
     ทฤษฎี : 1. ขั้นการกระทำ 2. ขั้นคิดจินตนาการหรือสร้างมโนภาพ 3. ขั้นใช้สัญลักษณ์และคิดรวบยอด

โฮเวิร์ด  การ์ดเนอร์
     สติปัญญาของมนุษย์มีหลายด้านที่มีความสำคัญเท่าเทียมกัน ขึ้นอยู่กับว่าใครจะโดดเด่นในด้านไหนบ้าง แล้วแต่ละด้านผสมผสานกัน แสดงออกมาเป็นความสามารถในเรื่องใด เป็นลักษณะเฉพาะตัวของแต่ละคน
     พหุปัญญา  9 ด้าน มีดังนี้ 1. ปัญญาด้านภาษา 2. ปัญญาด้านตรรกศาสตร์และคณิตศาสตร์ 3. ปัญญาด้านมิติสัมพันธ์ 4. ปัญญาด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว 5. ปัญญาด้านดนตรี 6. ปัญญาด้านมนุษยสัมพันธ์ 7. ปัญญาด้านการเข้าใจตนเอง 8. ปัญญาด้านธรรมชาติวิทยา 9. ความฉลาดในการคิดใคร่ครวญ

พุทธศาสตร์
     แนวคิด : ผู้เรียนสามารถสร้าง ความคิด ของตนเองออกมาเป็นรูปธรรม โดยใช้สื่อการสร้างความรู้ด้วยตนเอง และถ่ายทอดให้ผู้อื่นเข้าใจในความคิดของตนเองได้ ตลอดจนนำความคิดเดิมไปสร้าง ความรู้ ใหม่ต่อไปไม่สิ้นสุด ความคิดต้องมีขอบเขตและอยู่ในกรอบของศีลธรรมและอยู่ภายใต้กฎแห่งความจริง 5 ประการ คือ ความคิดนั้นต้อง ดี ถูกต้อง เป็นประโยชน์ แก้ปัญหาหรือทำให้คลายทุกข์ได้ และเป็นสิ่งที่คนทั่วไปปฏิบัติได้
         
แนวทางการจัดประสบการณ์
     1. เหมาะสมกับพัฒนาการเด็ก ให้เด็กเรียนรู้จากสิ่งที่เป็นรูปธรรม ใช้สื่อที่เป็นของจริง
     2. เหมาะสมกับการเรียนรู้ของเด็ก ให้เด็กได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรง ได้เล่น ได้ลงมือกระทำสิ่งต่างๆ ผ่านประสาททั้งห้า
     3. ให้เด็กได้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น เด็กมีโอกาสทำงานร่วมกันทั้งกลุ่มใหญ่และกลุ่มย่อย
     4. เปิดโอกาสให้เด็กได้คิดและทำสิ่งต่างๆด้วยตนเอง

 การคิดเชิงเหตุผล
     เป็นความสามารถในการทำความเข้าใจความสัมพันธ์ของ สิ่งต่างๆ สามารถเชื่อมโยงความสัมพันธ์จากเหตุไปหาผล และสามารถคิดหาคำตอบที่เป็นเหตุและเป็นผล โดยใช้หลักการหรือข้อมูลที่มาจากประสบการณ์เดิมและประสบการณ์ใหม่มาเป็นฐานข้อมูลในการคิด ช่วยให้เด็กสามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆได้ดีและสามารถดำรงชีวิตได้อย่างราบรื่น

การคิดแก้ปัญหา
     เป็นการนำความรู้และประสบการณ์เดิมมาใช้ในการคิดหาวิธีการ ที่ทำให้ปัญหาหมด การคิดแก้ปัญหาช่วยให้เด็กสามารถแก้ปัญหาที่ เผชิญในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ กล้าเผชิญกับปัญหา สามารถดำรงชีวิตและปรับตัวอยู่ในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงได้อย่างสงบสุข

การคิดอย่างมีวิจารณญาณ
     เป็นการคิดพิจารณา ไตร่ตรองข้อมูลอย่างรอบด้านก่อนตัดสินใจว่าสิ่งใดควรเชื่อ สิ่งใดควรทำ โดยไม่ด่วนสรุปตัดสินใจ การจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณจะช่วยให้เด็กสามารถเลือกรับข้อมูลที่มีความเหมาะสมและเป็นประโยชน์ ในการดำเนินชีวิตประจำวัน

การประเมินพัฒนาการ
     1. ด้านการคิดเชิงเหตุผล วิธีการประเมิน คือ การสังเกต การสนทนา และการทดสอบ เครื่องมือที่ใช้ คือ แบบบันทึกการสังเกต แบบบันทึกการสนทนา แบบทดสอบที่ให้เด็กลงมือปฏิบัติและแบบบันทึกการให้เหตุผล
     2. ด้านการคิดแก้ปัญหา วิธีการประเมิน คือ ใช้การสังเกตและบันทึกพฤติกรรม และการทดสอบ เครื่องมือที่ใช้ คือ แบบบันทึกพฤติกรรม แบบทดสอบโดยใช้สถานการณ์ และแบบบันทึกคำตอบ
     3. ด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณ วิธีการประเมิน คือ การสนทนา และการทดสอบโดยใช้สถานการณ์และนิทาน เครื่องมือที่ใช้คือ แบบบันทึกการสนทนา แบบ ทดสอบ และแบบบันทึกคำตอบ


กิจกรรมสีของใบไม้



วัตถุประสงค์ของกิจกรรม
    1. เพื่อให้เด็กมีทักษะกระบวนการทางการคิด
    2. เพื่อฝึกให้เด็กเกิดพัฒนาการทางการคิดจากการกระทำหรือได้ลงมือปฏิบัติกิจกรรมด้วยตนเอง         
    3. เพื่อฝึกให้เด็กคิดอย่างมีเหตุผลจากการทำกิจกรรม
    4. เพื่อฝึกการใช้ประสาทสัมผัสระหว่างมือกับตา

 สื่อ/วัสดุอุปกรณ์
    1.ใบไม้
    2. กระดาษเฉดสี
    3. พู่กัน
    4. สีน้ำ
    5. กระดาษแข็ง
   
 เพลงกิ่งก้านใบ
“กิ่งก้านใบ ชะ ชะ ใบก้านกิ่ง
กิ่งก้านใบ ชะ ชะ ใบก้านกิ่ง
ฝนตกลงมาจริงๆ ฝนตกลงมาจริงๆ
ชะ ชะ กิ่งก้านใบ”

วิธีการดำเนินกิจกรรม
ช่วงอายุ 4-5 ปี
            ขั้นนำ  
1.ครูให้นักเรียนนั่งเป็นวงกลมและแนะนำเพลงที่ใช้ในการทำกิจกรรมในครั้งนี้ โดยใช้เพลงกิ่งก้านใบ ซึ่งครูจะร้องให้ฟัง 1 รอบ   
2.จากนั้นให้นักเรียนร้องตามครูทีละท่อน และครั้งสุดท้ายร้องพร้อมกัน  พร้อมทำท่าทางประกอบเพลง
3. ครูให้เด็กเริ่มทำกิจกรรม

            ขั้นดำเนินกิจรรม
        1. ครูอธิบายอุปกรณ์ที่ใช้ในกิจกรรมสีของใบไม้ให้เด็กฟัง
        2. ครูนำเด็กๆทำกิจกรรมสีของใบไม้ร่วงดังนี้
            - ครูให้เด็กๆไปหยิบกระดาษเฉดสีคนละ 1 แผ่น
          - จากนั้นครูให้เด็กๆหยิบใบไม้ในกล่องคนละ 2-3 ใบ
          - ให้เด็กๆนำใบไม้มาเปรียบเทียบกับกระดาษเฉดสีแล้วสังเกตดูว่าตนเองหยิบใบไม้มาเปรียบเทียบในกระดาษเฉดสี
       


           ขั้นสรุป
1. ครูพูดคุยสนทนาเกี่ยวกับกิจกรรมสีของใบไม้ร่วง
2. ครูให้เด็กออกมาเล่าถึงกิจกรรมที่ตนได้ทำ



การประเมิน
1. สังเกตพฤติกรรมเด็กขณะปฏิบัติกิจกรรม

ช่วงอายุ 5 6 ปี
            ขั้นนำ  
 1. ครูให้นักเรียนนั่งเป็นวงกลมและแนะนำเพลงที่ใช้ในการทำกิจกรรมในครั้งนี้ โดยใช้เพลงกิ่งก้านใบ ซึ่งครูจะร้องให้ฟัง 1 รอบ   
 2. จากนั้นให้นักเรียนร้องตามครูทีละท่อน และครั้งสุดท้ายร้องพร้อมกัน  พร้อมทำท่าทางประกอบเพลง
 3. ครูให้เด็กเริ่มทำกิจกรรม

           ขั้นดำเนินกิจรรม
1. ครูอธิบายอุปกรณ์ที่ใช้ในกิจกรรมสีของใบไม้ให้เด็กฟัง
2. ครูนำเด็กๆทำกิจกรรมสีของใบไม้ร่วงดังนี้
 - ครูให้เด็กๆไปหยิบกระดาษเฉดสีคนละ 1 แผ่น

 - จากนั้นครูให้เด็กๆหยิบใบไม้ในกล่องคนละ 2-3 ใบ
 - ให้เด็กๆนำใบไม้มาเปรียบเทียบกับกระดาษเฉดสีแล้วสังเกตดูว่าตนเองหยิบใบไม้มาเปรียบเทียบในกระดาษเฉดสี
- จากนั้นให้เด็กลองผสมสีน้ำดูว่า ผสมสีอะไรจะได้สีเดียวกับใบไม้ที่ตนเองหยิบมา



           ขั้นสรุป
1. ครูพูดคุยสนทนาเกี่ยวกับกิจกรรมสีของใบไม้ร่วง
2. ครูให้เด็กออกมาเล่าถึงกิจกรรมที่ตนได้ทำ



          การประเมิน
          1. สังเกตพฤติกรรมเด็กขณะปฏิบัติกิจกรรม

ประโยชน์ของกิจรรม
     1. เด็กได้ทักษะการคิดจากการทำกิจกรรมและการคิดอย่างมีเหตุผล
     2. เด็กได้ฝึกประสาทสัมผัสระหว่างมือกับตา
     3. เด็กรู้จักการคิดและการสังเกต

     4. เด็กมีความกล้าแสดงออกและความมั่นใจในตนเองมากขึ้น





กิจกรรมคลำดูจะรู้ได้




 วัตถุประสงค์ของกิจกรรม
  1.  เพื่อให้เด็กสามารถบอกลักษณะของพื้นผิวที่สัมผัสจากการคลำได้
  2. เพื่อสื่อสารบอกลักษณะของสิ่งที่สัมผัส เช่น นุ่ม
เรียบ แข็งได้
  3. เพื่อฝึกให้เด็กมีไหวพริบ

   วิธีการดำเนินกิจกรรม
ช่วงอายุ (4-5) ปี
          ขั้นนำ
    • คุณครูให้เด็กนั่งเป็นแถวและเด็กๆได้ร่วมกันร้องเพลงเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการเข้าสู่กิจกรรมไปพร้อมกับคุณครูโดยใช้เพลง (*จับไวไว)ซึ่งครูจะร้องไห้ฟัง 1 รอบ
     ครูนำกล่องปริศนามาให้เด็กสังเกต โดยยังไม่ให้เด็กเข้ามาสัมผัสหรือเข้ามาดูใกล้ๆ แล้วถามคำถาม เช่น
     • เด็กๆ จะทราบได้อย่างไรว่า มีสิ่งใดอยู่ในกล่อง สิ่งที่อยู่ในกล่องคือ (ตุ๊กตาหมี  ผลสับปะรด ไม้บล็อก)         
     • เด็กๆต้องใช้อวัยวะใดในการสัมผัสแล้วจะบอกได้ว่าสิ่งที่อยู่ในกล่องนี้มีผิวสัมผัสนุ่ม เรียบ หรือแข็ง



ขั้นกิจกรรม
    • ครูเตรียมอุปกรณ์กล่องปริศนาในการทดลองผิวสัมผัส โดยในกล่องจะมีสิ่งของที่มีพื้นผิวต่างๆ ให้เด็ก ได้ทดลองคลำและสัมผัส คือ ตุ๊กตาหมี ผลสับปะรด ไม้บล็อก
     ครูได้นำผ้าปิดตากับเด็กแล้วให้เด็กได้ออกมาสัมผัสสิ่งที่อยู่ในกล่องปริศนาครั้งละ 1 คน แล้วให้เด็กได้อธิบายว่าสิ่งที่เด็กๆ ได้สัมผัสมีพื้นผิว เป็นอย่างไร
    ครูให้เด็กช่วยกันแสดงความเห็นว่าแต่ละกล่องมีผิวสัมผัสเป็นอย่างไร และคิดว่าสิ่งที่อยู่ในกล่องคืออะไร


           ขั้นสรุป
    ครูเฉลยคำตอบในกล่องปริศนาทีละกล่อง แล้วให้เด็กได้สัมผัสสิ่งของในกล่องอีก 1 ครั้ง
    ครูและเด็กร่วมกันสรุปเกี่ยวกับการสัมผัสผิวสิ่งต่างๆ



ช่วงอายุ (5-6ปี)
           ขั้นนำ
    • คุณครูให้เด็กนั่งเป็นแถวและเด็กๆได้ร่วมกันร้องเพลงเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการเข้าสู่กิจกรรมไปพร้อมกับคุณครูโดยใช้เพลง (*จับไวไว)ซึ่งครูจะร้องไห้ฟัง 1 รอบ
      ครูนำกล่องปริศนามาให้เด็กสังเกต โดยยังไม่ให้เด็กเข้ามาสัมผัสหรือเข้ามาดูใกล้ๆ แล้วถามคำถาม เช่น
      • เด็กๆ จะทราบได้อย่างไรว่า มีสิ่งใดอยู่ในกล่อง สิ่งที่อยู่ในกล่องคือ (ตุ๊กตาหมี  ผลสับปะรด ไม้บล็อก)         
      • เด็กๆต้องใช้อวัยวะใดในการสัมผัสแล้วจะบอกได้ว่าสิ่งที่อยู่ในกล่องนี้มีผิวสัมผัสนุ่ม เรียบ หรือแข็ง

ขั้นกิจกรรม
      • ครูเตรียมอุปกรณ์กล่องปริศนาในการทดลองผิวสัมผัส โดยในกล่องจะมีสิ่งของที่มีพื้นผิวต่างๆ ให้เด็ก ได้ทดลองคลำและสัมผัส คือ ตุ๊กตาหมี ผลสับปะรด ไม้บล็อก
      ครูได้ให้เด็กได้ออกมาสัมผัสสิ่งที่อยู่ในกล่องปริศนาโดยไม่มีผ้าปิดตาครั้งละ 1 คน แล้วให้เด็กได้อธิบายว่าสิ่งที่เด็กๆ ได้สัมผัสมีพื้นผิว เป็นอย่างไร
      ครูให้เด็กช่วยกันแสดงความเห็นว่าแต่ละกล่องมีผิวสัมผัสเป็นอย่างไร และคิดว่าสิ่งที่อยู่ในกล่องคืออะไร
          

             ขั้นสรุป
     ครูเฉลยคำตอบในกล่องปริศนาทีละกล่อง แล้วให้เด็กได้สัมผัสสิ่งของในกล่องอีก 1 ครั้ง
    ครูและเด็กร่วมกันสรุปเกี่ยวกับการสัมผัสผิวสิ่งต่างๆ



สื่อ/วัสดุอุปกรณ์
          1.กล่องปริศนา
         2.ตุ๊กตาหมี
         3.สัปปะรด
         4.ไม้บล็อก
         5. เพลง จับไวๆ
เพลง จับไวๆ
(ไม่ทราบนามผู้แต่ง)
จับหัว คาง คิ้ว หัวไหล่ จับไวๆ จับจมูก ปาก ตา จับแขน จับขา แล้วก็จับสะดือ    (ร้องซ้ำๆ แต่จังหวะ
ไวขึ้นตามลำดับ)

ประโยชน์ของกิจกรรม
           เด็กได้เรียนรู้เกี่ยวกับพื้นผิวที่สัมผัสเป็นประสาทสัมผัสในการรับรู้ความรู้สึกต่างๆได้แก่ นุ่ม ขรุขระ เรียบได้เรียนรู้เกี่ยวกับการแสดงความคิดเห็นร่วมกันกับผู้อื่นได้





กิจกรรมรูปทรงแปลงร่าง



วัตถุประสงค์
          1. เพื่อให้เกิดสมาธิ และจดจ่อกับสิ่งที่ทำ
          2. เพื่อให้เกิดการสร้างความคิดและจินตนาการจากสิ่งที่สร้างขึ้น
          3. เพื่อให้เกิดการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม
          4. เพื่อให้เกิดความกล้าคิด กล้าตัดสินใจในการทำกิจกรรม

สื่อ/วัสดุอุปกรณ์
          รูปทรงเรขาคณิต

ช่วงอายุ 4-5 ปี
ขั้นดำเนินกิจกรรม 
ขั้นนำ
1. ให้นักเรียนนั่งเป็นวงกลม
          2. ครูพานักเรียนทำbrain gym ก่อนเริ่มกิจกรรมเพื่อให้เกิดสมาธิในการทำกิจกรรม
          3. เมื่อนักเรียนพร้อมจึงเริ่มทำกิจกรรม


ขั้นสอน
          1.  คุณครูนำรูปทรงเรขาคณิตมาให้เด็กๆดู
          2. คุณครูให้รูปทรงเรขาคณิตแก่เด็กๆ และให้เด็กๆหยิบรูปทรงคนละ 1 ชิ้น
          3. ให้เด็กๆส่งต่อรูปทรงเรขาคณิตให้แก่กัน โดยการส่งต่อรูปทรงนั้น ให้นักเรียนรับไหว้เพื่อนก่อนรับรูปทรงเรขาคณิตจากเพื่อน
          4. เมื่อได้รูปทรงเรขาคณิตครบทุกคนแล้วให้เด็กๆนำรูปทรงที่ตนเลือก ไปวางต่อกันในจุดที่กำหนดให้ทีละคน


ขั้นสรุป
- ครูให้เด็กร่วมกันแสดงความคิดเกี่ยวกับรูปภาพที่ร่วมสร้างขึ้นว่าเป็นภาพอะไร ทำไมถึงคิดว่าเป็นรูปนี้ ให้อธิบาย
          - เมื่อสิ้นสุดกิจกรรม ครูให้นักเรียนกอดกัน เพื่อแสดงความรัก ความอบอุ่นและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันจากการทำกิจกรรมร่วมกัน



ช่วงอายุ 5-6 ปี
ขั้นดำเนินกิจกรรม 
ขั้นนำ
          1. ให้นักเรียนนั่งเป็นวงกลม
          2. ครูพานักเรียนทำ
brain gym ก่อนเริ่มกิจกรรมเพื่อให้เกิดสมาธิในการทำกิจกรรม
          3. เมื่อนักเรียนพร้อมจึงเริ่มทำกิจกรรม
         


ขั้นสอน
          1.  คุณครูนำรูปทรงเรขาคณิตมาให้เด็กๆดู
          2. คุณครูให้รูปทรงเรขาคณิตแก่เด็กๆ และให้เด็กๆหยิบรูปทรงคนละ 1 ชิ้น
3. ให้เด็กๆส่งต่อรูปทรงเรขาคณิตให้แก่กัน โดยการส่งต่อรูปทรงนั้น ให้นักเรียนรับไหว้เพื่อนก่อนรับรูปทรงเรขาคณิตจากเพื่อน
          4. เมื่อได้รูปทรงเรขาคณิตครบทุกคนแล้ว ให้เด็กๆนำรูปทรงที่ตนเลือก ไปวางต่อกันในจุดที่กำหนดให้ทีละคน จนครบ และเกิดเป็นรูปร่าง


ขั้นสรุป
          - ครูให้เด็กแต่ละคนแสดงความคิดเกี่ยวกับรูปภาพที่ร่วมสร้างขึ้นว่าเป็นภาพอะไร ทำไมถึงคิดว่าเป็นรูปนี้ ให้อธิบาย
          - เมื่อสิ้นสุดกิจกรรม ครูให้นักเรียนกอดกัน เพื่อแสดงความรัก ความอบอุ่นและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันจากการทำกิจกรรมร่วมกัน



การประเมินผล
1. สังเกตพฤติกรรมขณะเด็กปฏิบัติกิจกรรม
2. สังเกตการตอบคำถาม การสนทนา โต้ตอบ
3. สังเกตการนำเสนอผลงาน

ประโยชน์จากการทำกิจกรรม
          1. เด็กมีสมาธิมากขึ้นจากการทำกิจกรรม
          2. เด็กๆได้เกิดความกล้าแสดงออก
          3. เด็กๆได้แสดงความคิดเห็นและยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น
          4. ได้ฝึกกระบวนการการทำงานกลุ่ม มีส่วนร่วมซึ่งกันและกัน

          5. ได้เกิดความคิดและจินตนาการจากสิ่งที่ตนเห็น และสามารถสื่อออกมาให้ผู้อื่นทราบได้ว่าตนต้องการสื่ออะไร      





กิจกรรม ตาราง 9 ช่อง


วัตถุประสงค์ของกิจกรรม
    1. เพื่อให้เด็กมีทักษะการคิดให้เหตุผล
    2. เพื่อฝึกให้เด็กสื่อความหมายด้วยคำพูดและท่าทาง
    3. เพื่อฝึกให้เด็กมีไหวพริบ มีความคล่องแคล่ว ว่องไว
    4. เพื่อปลูกฝังให้เด็กกล้าแสดงออกในการเลียนเสียงและท่าทางสัตว์

สื่อ/วัสดุอุปกรณ์
    1. ตาราง 9 ช่อง
    2. บัตรภาพ 
    3. เพลงลูกสัตว์
เพลงลูกสัตว์
ลูกเป็ดมันร้องก้าบก้าบ
ลูกไก่มันร้องเจี๊ยบเจี๊ยบ
ลูกหมาเห่าบ๊อกบ๊อกบ๊อก
ลูกแมวก็ร้องเหมียวเหมียว
ลูกหมูมันร้องอู๊ดอู๊ด
ลูกกบมันร้องอ๊บอ๊บ
ลูกนกร้องจิ๊บจิ๊บจิ๊บ
ลูกวัวก็ร้องมอมอ

วิธีการดำเนินกิจกรรม
ช่วงอายุ 4-5 ปี
ขั้นนำ  
1. ครูให้นักเรียนนั่งเป็นแถวและแนะนำเพลงที่ใช้ในการทำกิจกรรมในครั้งนี้ โดยใช้เพลงลูกสัตว์ ซึ่งครูจะร้องให้ฟัง 1 รอบ   
2. จากนั้นให้นักเรียนร้องตามครูทีละท่อน และครั้งสุดท้ายร้องพร้อมกัน  พร้อมทำท่าทางประกอบตามจินตนาการ
3. ครูแบ่งเด็กออกเป็น 2 กลุ่มและเริ่มทำกิจกรรม


ขั้นดำเนินกิจรรม
1. ครูอธิบายวิธีการเล่นให้เด็กฟัง
2. ครูเริ่มกิจกรรม
   - ครูให้เด็กแต่ล่ะกลุ่มเรียงแถวและเล่นตาราง 9 ช่องทีละคน
   - ครูหยิบบัตรภาพในกล่องพูดให้เด็กทั้ง 2 กลุ่ม ได้ยินและดูภาพประกอบ จากนั้นให้เด็กทั้ง 2 กลุ่มวิ่งไปในช่องว่างแล้วก้าวไปบนรูปภาพสัตว์พร้อมทำท่าทางของสัตว์ตามจินตนาการ
   - คนไหนทำเสียงหรือท่าทางประกอบเสร็จแล้วให้วิ่งกลับไปหาเพื่อน
   - เมื่อเล่นจนครบทุกคนแล้ว  ครูให้เด็กนั่งพักเพื่อผ่อนคลาย



ขั้นสรุป
1. ครูพูดคุยสนทนาเกี่ยวกับกิจรรมที่ได้ทำในครั้งนี้
2. ครูหยิบภาพให้นักเรียนดูพร้อมทำท่าทางและเสียงประกอบของสัตว์แต่ละชนิดพร้อมกัน

การประเมินผล
1. สังเกตพฤติกรรมเด็กขณะปฏิบัติกิจกรรม
2. สังเกตการเลียนแบบท่าทางของสัตว์
  
ช่วงอายุ 5 6 ปี
ขั้นนำ  
    1. ครูให้นักเรียนนั่งเป็นแถวและแนะนำเพลงที่ใช้ในการทำกิจกรรมในครั้งนี้ โดยใช้เพลงลูกสัตว์ ซึ่งครูจะร้องให้ฟัง 1 รอบ   
    2. จากนั้นให้นักเรียนร้องตามครูทีละท่อน และครั้งสุดท้ายร้องพร้อมกัน  พร้อมทำท่าทางประกอบตามจินตนาการ
    3. ครูแบ่งเด็กออกเป็น 2 กลุ่มและเริ่มทำกิจกรรม


ขั้นดำเนินกิจรรม
          1. ครูอธิบายวิธีการเล่นให้เด็กฟัง
          2. ครูเริ่มกิจกรรม
   - ครูให้เด็กแต่ล่ะกลุ่มเรียงแถวและเล่นตาราง 9 ช่องทีละคน
   - ครูหยิบบัตรภาพในกล่องและพูดให้เด็กทั้ง 2 กลุ่ม ได้ยิน จากนั้นให้เด็กทั้ง 2 กลุ่มวิ่งไปในช่องว่างแล้วกระโดดไปบนรูปภาพสัตว์พร้อมทำท่าทางและเสียงของสัตว์ตามจินตนาการ
   - คนไหนทำเสียงและท่าทางประกอบเสร็จแล้วให้วิ่งกลับไปหาเพื่อน ใครถึงก่อนถือว่าได้คะแนน
   - เมื่อเล่นจนครบทุกคนแล้ว  จะมีการนับคะแนนรวมหาทีมที่ได้คะแนนเยอะที่สุด
   - เมื่อได้ทีมที่มีคะแนนเยอะที่สุดแล้ว ครูให้ทีมคะแนนมากหยิบบทลงโทษในกล่อง เพื่อให้ทีมคะแนนน้อยออกมาเลียนเสียงและท่าทางสัตว์ที่ได้


ขั้นสรุป
           1. ครูพูดคุยสนทนาเกี่ยวกับกิจรรมที่ได้ทำในครั้งนี้
           2. ครูหยิบภาพให้นักเรียนดูพร้อมทำท่าทางและเสียงประกอบของสัตว์แต่ละชนิด

การประเมินผล
          1. สังเกตพฤติกรรมเด็กขณะทำกิจกรรม
2. สังเกตการเลียนแบบเสียงและท่าทางของสัตว์

ประโยชน์ของกิจรรม
     1. เด็กได้ทักษะการคิดให้เหตุผล
     2. เด็กได้สื่อความหมายด้วยคำพูดและท่าทาง
     3. เด็กมีไหวพริบ มีความคล่องแคล่ว ว่องไว
     4. เด็กมีความกล้าแสดงออก ในการเลียนเสียงและท่าทางสัตว์



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น